D
Delight

ใต้ร่มปีบทอง : ความหมายของ “ครอบครัว” ในรั้วมหาวิทยาลัย

     ในทุกช่วงเวลาของชีวิตการศึกษา “มหาวิทยาลัย” มิใช่เพียงสถานที่ให้ความรู้ หากยังเป็นเสมือนบ้านหลังที่สอง ที่หล่อหลอมเยาวชนให้เติบโตทั้งด้านวิชาการและด้านจิตใจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี  จึงมิได้มีบทบาทเพียงสร้างนักศึกษาให้เป็นบัณฑิต หากยังโอบอุ้มพวกเขาในฐานะลูกแสดทองที่กำลังแสวงหาหนทางของตนเอง

     ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับนักศึกษานอกเหนือจากดำเนินไปบนเส้นทางแห่งการถ่ายทอดความรู้ แต่ยังมีสายใยของความผูกพันที่หล่อเลี้ยงหัวใจ การได้มองนักศึกษาเสมือนลูก หรือสมาชิกในครอบครัว มิได้จำกัดอยู่ที่การสั่งสอนในห้องเรียน หากยังหมายถึงการเป็นผู้ฟังที่จริงใจ ผู้ให้คำปรึกษาที่ยืนอยู่เคียงข้าง และเป็นแรงใจที่โอบอุ้มยามพวกเขาเผชิญความท้าทาย  ชีวิตของนักศึกษาแต่ละคนมิได้ราบรื่นเสมอไป หลายคนต้องจากบ้านเกิดมาไกลพร้อมความกังวลและความไม่มั่นใจ การมีอาจารย์ที่ใส่ใจเพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการทักถามสารทุกข์สุกดิบ การจำชื่อได้ หรือเพียงเปิดประตูห้องทำงานไว้ให้เข้ามาพูดคุย นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็นสัญญาณอันทรงพลังที่บอกกับพวกเขาว่า “เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”

     การปลูกฝังความรู้จึงมิได้จำกัดอยู่ที่ตำรา หากแต่รวมถึงการปลูกหัวใจให้มั่นคง อบอุ่น และพร้อมก้าวสู่โลกกว้างด้วยความเชื่อมั่น อาจารย์ในฐานะผู้ประคับประคองย่อมมีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย แก่ลูกแสดทอง ที่นอกเหนือจากงดงามในความรู้ความสามารถแล้ว ยังมีพลังใจที่เข้มแข็ง ความมั่นคงและความอบอุ่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงเพราะความตั้งใจส่วนบุคคล แต่ต้องเกิดจากแนวปฏิบัติที่ต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมของบุคลากรทุกภาคส่วน          

     ด้วยรากฐานแห่งความเอื้ออาทร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีคือบ้านหลังใหญ่ที่ทุกคนก้าวเดินไปด้วยกัน ภาพรอยยิ้มเล็ก ๆ การสังเกตความกังวลหรือความเหนื่อยล้าของนักศึกษา และการยื่นมือให้คำปรึกษาเมื่อพวกเขาเผชิญความท้าทาย ล้วนเติมเต็มความอบอุ่นและสร้างความมั่นใจให้ลูกแสดทองทุกดวง  และคงน่าปลื้มใจไม่น้อย หากผู้ปกครองและผู้มารับบริการเองก็ได้รับการต้อนรับด้วยความเคารพ ใส่ใจ และให้เกียรติราวกับเป็นสมาชิกของครอบครัว ขณะเดียวกัน รากฐานแห่งความเอื้ออาทรระหว่างเพื่อนร่วมงานเองก็ทำให้วันทำงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม การช่วยเหลือกันในยามจำเป็น หรือแม้เพียงการปรับจังหวะงานเพื่อให้กันและกันสะดวกขึ้น สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างพลังใจ ความผูกพัน และความสุข เพียงพอที่จะขับเคลื่อนแรงกายแรงใจ ทำงานอย่างเต็มกำลัง

     เมื่อการปฏิบัติเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นความเคยชิน ก็จะถักทอเป็นวัฒนธรรมแห่งความอบอุ่นที่หยั่งรากลึกในทุกอณูของมหาวิทยาลัย ทุกคนเรียนรู้ที่จะเกื้อกูลกัน ทั้งต่อนักศึกษา เพื่อนร่วมงาน และผู้เข้ามาขอรับบริการ สิ่งนี้ทำให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมิใช่เพียงสถาบันการศึกษาบนเนื้อที่กว่า 6,000 ไร่ มีอาคารเรียน อาคารปฏิบัติการที่ทันสมัย คณาจารย์เป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ  แต่ยังเป็นร่มเงาที่เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความงดงาม ปลูกความเข้มแข็งและอ่อนโยนในหัวใจทุกดวง และสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกแสดทองทุกคนก้าวออกไปสู่โลกกว้างด้วยความมั่นใจ ความหวัง และความทรงจำอันอบอุ่นที่ติดตัวตลอดไป

บทความโดย: ผศ.ดร.หนึ่งหทัย ขอผลกลาง
รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์

Contents