สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา มทส.

ศูนย์บรรณสาร
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จฯ แทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา มทส. 
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ประจำปีการศึกษา 2567
 
 
    วันนี้ (25 ธันวาคม 2568) เวลา 08.32 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งถึงอาคารสุรพัฒน์ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา อธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช นายกสภามหาวิทยาลัย รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิชัย แสงอาทิตย์ รักษาการแทนอธิการบดี นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย เฝ้าฯ รับเสด็จฯ
 
 
     ในโอกาสนี้ นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย แด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพสกนิกร ทรงริเริ่มโครงการและให้การสนับสนุนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม บูรณาการผ่านพระราชกรณียกิจต่าง ๆก่อให้เกิดประโยชน์ใหญ่หลวงแก่พสกนิกรและประเทศชาติ อันเป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งในระดับชาติและนานาชาติ
 
 
 
 
 
     พิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ประจำปีการศึกษา 2567 มีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 4 คน ได้แก่ นายถาวร ชลัษเฐียร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสหกิจศึกษา นายทวี ปิยะพัฒนา ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร นายสุจินต์ สุวรรณกิจบริหาร วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และ ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาทันตแพทยศาสตร์ (ผู้แทน) ผู้เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรศาสตราจารย์เกียรติคุณ จำนวน 4 คน ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า ศาสตราจารย์เกียรติคุณ สาขาวิชาฟิสิกส์ (ผู้แทน) ศาสตราจารย์ ดร.เจมส์ เกตุทัต-คาร์นส์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ สาขาวิชาชีวเคมี ศาสตราจารย์ เภสัชกร ดร.เกรียงศักดิ์ เอื้อมเก็บ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ สาขาวิชาเภสัชวิทยา และ ศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ศาสตราจารย์เกียรติคุณ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า
 
 
 
 
     มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีดำเนินการตามภารกิจมาเป็นปีที่ 35 โดยเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก รวมทั้งสิ้น 117 หลักสูตร สำหรับปีการศึกษา 2567 มีผู้สำเร็จการศึกษาเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวน 1,917 คน ประกอบด้วย ดุษฎีบัณฑิตรุ่นที่ 26 มหาบัณฑิตรุ่นที่ 27 และบัณฑิตรุ่นที่ 29 จากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร สำนักวิชาเทคโนโลยีสังคม สำนักวิชาแพทยศาสตร์ สำนักวิชาสาธารณสุขศาสตร์ สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ สำนักวิชาศาสตร์และศิลป์ดิจิทัล และ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ จำนวน 1,780 คน รวมทั้งมหาบัณฑิตรุ่นที่ 11 และบัณฑิตรุ่นที่ 25 จากสถาบันการบินพลเรือน ซึ่งเป็นสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัย จำนวน 137 คน ในจำนวนนี้ มีผู้สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและได้คะแนนยอดเยี่ยมของสาขาวิชาต่าง ๆ เข้ารับพระราชทานเข็มทองคำ จำนวน 33 คน รวมทั้งผู้ได้รับรางวัลศรีปีบทอง ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับนักศึกษาที่มีผลงานและความสามารถดีเด่น เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติยศ จำนวน 1 คน
 
 
 
     ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาทแก่บัณฑิต ความตอนหนึ่งว่า “ปริญญาบัตรที่บัณฑิตได้รับในวันนี้ เป็นสิ่งที่มีความหมายและมีความสําคัญ เพราะเป็นเครื่องรับรองวิทยฐานะของแต่ละคน ว่าเป็นผู้มีความรู้ในวิชาการสาขาต่าง ๆ ตามที่ได้เล่าเรียนมา ข้าพเจ้าเชื่อว่า การที่บัณฑิตอุตสาหะพยายามศึกษาเล่าเรียน จนได้รับปริญญาบัตร ก็ด้วยเห็นว่าการศึกษาเป็นพื้นฐานสําคัญแท้จริง ในการดําเนินชีวิตและประกอบอาชีพให้เจริญมั่นคง แต่นอกจากความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาดังกล่าวแล้ว ทุกคนพึงระลึกไว้เสมอว่า ยังมีสิ่งสําคัญอีกอย่างหนึ่งด้วย คือความสามารถที่จะนําความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ อันจะนํามาซึ่งความรุ่งเรืองก้าวหน้าในชีวิตและกิจการงานดังประสงค์ บัณฑิตจึงต้องหมั่นฝึกฝนการนำความรู้ไปใช้ โดยมีคุณธรรมความสุจริต คอยกํากับประคับประคองให้ใช้ได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชา หลักเหตุผล และหลักธรรม พร้อมกันนั้น ก็ตั้งใจพยายามพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทั้งในทางความรู้ ความสามารถ และคุณธรรมความดี ถ้าทําได้ แต่ละคนก็จะสามารถสร้างสรรค์ความเจริญมั่นคงในชีวิตและกิจการงาน พร้อมทั้งเป็นกําลังสําคัญในการสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ สมกับที่มีวิทยฐานะอันสูง”
 
 
      ภายหลังพิธีพระราชทานปริญญาบัตร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังอาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย และน้อมเกล้าฯ ถวายแบบจำลองเฮลิคอปเตอร์ Robinson รุ่น R44 ซึ่งเป็นเครื่องฝึกบินของสถาบันฯ จากนั้นเสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการผลงานวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ประกอบด้วย 
 
 
     “ระบบตัดสัญญาณควบคุมอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ระยะไกล” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย ทองโสภา อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์และคณะ ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามจากอากาศยานไร้คนขับในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะบริเวณแนวพรมแดนไทย–กัมพูชา ทีมวิจัยประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบเรดาร์ตรวจจับอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ร่วมกับระบบตัดสัญญาณระยะไกล ที่สามารถตัดสัญญาณควบคุม UAV แบบอัตโนมัติ และใช้งานง่าย ประกอบด้วย เรดาร์แบบ FMCW ย่านความถี่ 5.8 GHz สำหรับตรวจจับและติดตามอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กด้วยความแม่นยำสูง สามารถตรวจจับได้ทั้งตำแหน่ง ระยะทาง ความเร็ว ทิศทาง และความสูง ทำงานร่วมกับระบบตัดสัญญาณ 3 ย่านความถี่ ได้แก่ ย่าน 1.575, 2.45, และ 5.8 GHz มีรัศมีทำการ 2 กิโลเมตรรอบทิศทาง โดยไม่ต้องปรับทิศทางของสัญญาณรบกวน เมื่อเรดาร์ตรวจพบวัตถุบินต้องสงสัย ระบบจะสั่งการทำงานไปยังระบบตัดสัญญาณอัตโมนัติเพื่อรบกวนการควบคุม ทำให้ขาดการเชื่อมต่อกับผู้ควบคุมและเข้าสู่โหมดฉุกเฉิน เพื่อสกัดกั้น บังคับให้ลงจอด หรือกลับฐาน ทั้งนี้ ระบบต้นแบบได้ผ่านการทดสอบภาคสนามที่สนามบินกองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา และนำไปใช้งานจริงในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของกองทัพภาคที่ 2 และบริเวณผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ โดยผลการทดสอบยืนยันว่า UAV ที่เข้าสู่ระยะตรวจจับ ถูกตัดสัญญาณได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 วินาที ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมขีดความสามารถของประเทศไทยในการรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ และสามารถต่อยอดสู่การใช้งานจริงในภารกิจความมั่นคง พื้นที่ราชการสำคัญ หรือพื้นที่หวงห้ามอื่นได้ในอนาคต ระบบดังกล่าวนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมนักวิจัยไทย สามารถประหยัดงบประมาณด้านความมั่นคงของประเทศ และยังมีต้นทุนต่ำกว่าการนำเข้าระบบจากต่างประเทศกว่า 10 เท่า 
 
 
 
     “X-Zense 101 เครื่องตรวจคัดกรองมะเร็งแบบพกพา” โดย อาจารย์เทคนิคการแพทย์ ดร.สนอง สุขแสวง อาจารย์ประจำสาขาวิชาพยาธิวิทยา สำนักวิชาแพทยศาสตร์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.สุดเขตต์ พจน์ประไพ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมเซรามิก สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ได้พัฒนาเครื่องคัดกรองมะเร็งที่มีขนาดกะทัดรัดพกพาได้ ขั้นตอนการใช้งานไม่ซับซ้อนและสามารถแสดงผลได้รวดเร็วภายในไม่เกินหนึ่งชั่วโมง พร้อมช่องทางเชื่อมข้อมูลการตรวจสารพันธุกรรม (DNA & RNA) และโปรตีนจากเลือด เพื่อบ่งชี้ภาวะความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ที่ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อการคัดกรองและวินิจฉัยเบื้องต้น รวมทั้งให้คนไข้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เพื่อดูผลการตรวจแม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากโรงพยาบาล เครื่องตรวจมะเร็งต้นแบบนี้เป็นไบโอเซนเซอร์ที่สามารถใช้ตรวจระดับของสารบ่งชี้ทางชีวภาพสำหรับมะเร็งปอด โดยคาดว่าในอนาคตจะสามารถทำการตรวจคัดกรองมะเร็งได้ 6 ชนิด ได้แก่ ตับ ปอด เต้านม ลำไส้ใหญ่ ปากมดลูก และต่อมลูกหมาก ซึ่งถือได้ว่าครอบคลุมถึง 55% ของชนิดมะเร็งที่พบผู้ป่วยมากที่สุดในประเทศไทย
 
 
 
     “เปปโตเดอร์มา ไบโอคอสเมติก สการ์เจล (Peptoderma Biocosmetic Scar Gel)” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มารินา เกตุทัต-คาร์นส์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร และคณะ เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผสานด้วยเปปไทด์ CPH-1 จากจิ้งหรีด สำหรับบำรุงผิวและลดรอยแผลเป็นที่มีสารออกฤทธิ์หลักคือ Bioactive Peptide ที่เป็นสารสกัดธรรมชาติจากจิ้งหรีด โดยเปปไทด์ชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย ลดการอักเสบ ยับยั้งอนุมูลอิสระ กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวหนัง ช่วยให้ผิวที่มีรอยแผลเป็นกลับมาเรียบเนียนและยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถต่อยอดเป็นนวัตกรรมเวชสำอางที่มีศักยภาพสูงเชิงพาณิชย์ 
 
 
 
     จากนั้น รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ รักษาการแทนผู้ช่วยอธิการบดี และเจ้าหน้าที่งานทุนการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นำนักศึกษาทุนในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 8 คน และนักศึกษาทุนการศึกษา ตามโครงการพระราชดำริแก่นักศึกษาต่างชาติในภูมิภาคอาเซียน จำนวน 7 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานผลการศึกษา จากนั้นเสด็จออกจากอาคารสุรสัมมนาคาร ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังโรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา
 
 
 
 
ส่วนประชาสัมพันธ์ 
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
25 ธันวาคม 2568
 
---------------------------
 
 
-------------------------------------
 


ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง