ทีมวิจัย มทส. - นำวิวัฒน์การช่าง วิจัยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ด้วยเทคโนโลยีปลอดเชื้อด้วยระบบอุณหภูมิต่ำ H202 Reuse หน้ากาก N95 กลับมาใช้ซ้ำได้อย่างปลอดภัยได้มาตรฐาน

ทีมวิจัย มทส. - นำวิวัฒน์การช่าง วิจัยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

ด้วยเทคโนโลยีปลอดเชื้อด้วยระบบอุณหภูมิต่ำ H202

Reuse หน้ากาก N95 กลับมาใช้ซ้ำได้อย่างปลอดภัยได้มาตรฐาน

 

     มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) แถลงความสำเร็จในการวิจัยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ด้วยเทคโนโลยีปลอดเชื้อด้วยระบบอุณหภูมิต่ำ ระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H202) โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพียง 12% สำหรับอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานแล้ว ให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) ได้อย่างปลอดภัย ปราศจากสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ตกค้าง การสวมใส่สะดวกสบาย และคงลักษณะทางกายภาพเหมือนหน้ากากใหม่ ไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพการกรองของหน้ากาก สามารถกรองอนุภาค PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 85% ตามมาตรฐานกำหนด และยังสามารถกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน ได้มากกว่า 94% ประหยัด และช่วยบรรเทาภาวะการขาดแคลนหน้ากาก N95

 

 

     ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง ศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มทส. และ บริษัท นำวิวัฒน์การช่าง 1992 (จำกัด) ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์และเครื่องอบฆ่าเชื้อไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์รายใหญ่ของประเทศไทย ในการนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาเทคโนโลยี มทส. เป็นประธานในการแถลงข่าว โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันโท นายแพทย์บุระ สินธุภากร ผู้อำนวยการ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุขเกษม วัชรมัยสกุล รองผู้อำนวยการ ศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ พร้อมด้วย นายวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ กรรมการผู้จัดการ และ นายสุวิทย์ แว่นเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท นำวิวัฒน์การช่าง 1992 (จำกัด) ร่วมแถลงความสำเร็จ ในวันที่  1 กันยายน 2563 ณ อาคารรัตนเวชพัฒน์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

 

     ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันโท นายแพทย์บุระ สินธุภากร ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ มทส. กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  หรือ COVID-19 ทั่วโลก ซึ่งเป็นโรคระบาดรุนแรงที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้เวชภัณฑ์ต่าง ๆ เกิดการขาดแคลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้ากาก N95 ที่ใช้ในการป้องกันและช่วยลดความเสี่ยงให้บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดผู้ป่วย มีจำนวนจำกัด ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ทั้งนี้แนวทางในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนที่ได้รับการยอมรับวิธีการหนึ่งคือ การนำหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มาทำการอบฆ่าเชื้อด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ความเข้มข้น 59% ที่สามารถอบฆ่าเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพการกรองของหน้ากาก สำหรับการฆ่าเชื้อเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำนั้นจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขสาคัญ คือ ต้องสามารถฆ่าเชื้อ เช่น ไวรัสที่ทำให้เกิด COVID-19 ได้ ต้องไม่ทำลายระบบกรองของหน้ากาก ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อความพอดีของหน้ากาก และปลอดภัยต่อผู้ที่สวมใส่หน้ากาก เช่น ไม่มีการแพร่กระจายของสารเคมีเข้าไปในเขตการหายใจ หากระบบการกรองเสียหายหรือหน้ากากไม่พอดี จะไม่ช่วยลดการสัมผัสกับอนุภาคในอากาศ ดังนั้น ทางทีมวิจัยของศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ มทส. ได้ร่วมกับ ทีมวิจัยของบริษัท นำวิวัฒน์การช่าง 1992 (จำกัด) ทำการวิจัยและทดลองอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพียง 12% และทดสอบคุณสมบัติหน้ากาก N95 ที่ผ่านการอบฆ่าเชื้อ ซึ่งการวิจัยและทดสอบคุณสมบัติได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง”

 

     ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุขเกษม วัชรมัยสกุล รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ มทส. กล่าวถึงผลการทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพของหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานและผ่านการทำให้ปลอดเชื้อด้วยระบบอุณหภูมิต่ำและระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 12%  พบว่าปราศจากสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ตกค้างในหน้ากาก N95 การสวมใส่สะดวกสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด ไม่มีรูรั่วเวลาหายใจ และคงลักษณะทางกายภาพเหมือนหน้ากากใหม่ ความสามารถในการกรองอนุภาค PM2.5 มีประสิทธิภาพมากกว่า 85% ตามมาตรฐานกำหนด และมีความสามารถในการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน ได้มากกว่า 94% ขนาดโครงสร้างรูของแผ่นกรองอากาศและความแข็งแรงของหน้ากากไม่เปลี่ยนแปลง จากผลวิจัยนี้ถือได้ว่าคณะผู้วิจัยประสบความสำเร็จในการอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพียง 12% ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้สารฆ่าเชื้อ ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ปราศจากสารตกค้าง และยังคงคุณลักษณะทางกายภาพและคงประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรค นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดนวัตกรรมการใช้เครื่องอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95, FFP2, KN95 ด้วยระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 12% ในยามที่หน้ากากอนามัยอยู่ในภาวะขาดแคลนได้อีกด้วย

 

 

ส่วนประชาสัมพันธ์

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

1 กันยายน 2563

 

 


ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง