มทส. จับมือสตาร์ทอัพ “เจ็น-เอ-เทค” เปิดตัว “ชุดตรวจเพศอินทผลัม และหน่วยบริการเคลื่อนที่” นวัตกรรมเข้าถึงง่าย สะดวก และรวดเร็ว ยกระดับเกษตรไทยสู่อนาคต

ศูนย์บรรณสาร

มทส. จับมือสตาร์ทอัพ “เจ็น-เอ-เทค”

เปิดตัว “ชุดตรวจเพศอินทผลัม และหน่วยบริการเคลื่อนที่”

นวัตกรรมเข้าถึงง่าย สะดวก และรวดเร็ว ยกระดับเกษตรไทยสู่อนาคต

 

     มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ร่วมกับบริษัท เจ็น-เอ-เทค จำกัด เปิดตัวผลงานวิจัยและนวัตกรรม “ชุดตรวจเพศอินทผลัมและหน่วยบริการเคลื่อนที่” Spin off จากห้องปฏิบัติการสู่ Start up   ที่สามารถตรวจเพศอินทผลัม ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพระดับโมเลกุลที่มีความแม่นยำสูง รู้ผลภายใน 2-3 ชั่วโมง ไม่ต้องรอให้ต้นเจริญเติบโตถึง 3–7 ปี ถึงทราบเพศ ช่วยลดความสูญเสียและความเสี่ยงในการปลูกอินทผลัม และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้เกษตรกรจากผลผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันองค์ความรู้จากห้องปฏิบัติการสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยี บ่มเพาะสู่เชิงพาณิชย์ เกิดการสร้างธุรกิจนวัตกรรม (Startup) ที่ตอบโจทย์เกษตรกรไทยโดยตรง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการวางแผนการผลิตพืชเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่าง “อินทผลัม” ได้อย่างมีประสิทธิผล พร้อมขยายพื้นที่การให้บริการตรวจเพศอินทผลัมด้วย รถบริการเคลื่อนที่ทั่วประเทศ

 

     รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดี มทส. เป็นประธานเปิดการแถลงข่าวผลงานวิจัยและนวัตกรรม “ชุดตรวจเพศอินทผลัม และหน่วยบริการเคลื่อนที่” ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.มารินา  เกตุทัต-คาร์นส์   อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส. และคณะนักวิจัย  นายพชร เชิดชัย CEO บริษัท เจ็น-เอ-เทค จำกัด  และ นายสุดตา พรมเวียง  เจ้าของสวนอินทผลัมบุญมาก อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุม B404  อาคารอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 มทส.

     รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดี มทส.  กล่าวว่า “ ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ชุดตรวจเพศอินทผลัมและหน่วยบริการเคลื่อนที่ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของมหาวิทยาลัยตามนโยบายในการสนับสนุนนักวิจัยได้สร้างสรรค์ พัฒนาผลงานวิจัยที่ตอบโจทก์และแก้ปัญหาของประเทศได้จริง  บนพื้นฐานการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีชีวภาพที่มีความเชี่ยวชาญ มาประยุกต์สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ และส่งผลต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งผลงานวิจัยนี้ ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันของมหาวิทยาลัยโดยคณะนักวิจัยผู้พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ Spin off จากห้องปฏิบัติการ ส่งต่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงรับสิทธิในการพัฒนาและให้บริการเชิงพาณิชย์ เกิดเป็น Start up  ที่พัฒนานวัตกรรมเชิงธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม สามารถตอบสนองความต้องการภาคการเกษตรของไทยได้จริง ถือเป็นการบูรณาการองค์ความรู้อย่างครบวงจรอย่างแท้จริง”

 

     รองศาสตราจารย์ ดร.มารินา เกตุทัต-คาร์นส์ หัวหน้าคณะนักวิจัย เปิดเผยว่า “อินทผลัม” ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงและได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในประเทศไทย แต่ปัญหาสำคัญที่เกษตรกรต้องเผชิญคือ ไม่สามารถทราบเพศของต้นกล้าในช่วงเริ่มต้นได้ ต้องรอให้ต้นเจริญเติบโตถึง 3–7 ปี (แล้วแต่สายพันธุ์) จึงจะทราบว่าต้นใดเป็นต้นเพศผู้หรือต้นเพศเมีย ส่งผลให้เกิดการสูญเสียต้นทุน ทั้งด้านเวลา พื้นที่ การดูแล และงบประมาณ โดยไม่สามารถคาดการณ์ผลผลิตล่วงหน้าได้  จากปัญหาที่ชัดเจนและส่งผลกระทบต่อการลงทุนของเกษตรกรนี้ ทีมวิจัยจึงได้พัฒนา "ชุดตรวจเพศอินทผลัม" ด้วยทุนสนับสนุนจากกองทุนนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และความร่วมมือจากสวนอินทผลัมบุญมาก (Bunmak DatePalm) อ.หนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา โดย "ชุดตรวจเพศอินทผลัม" นี้สามารถวิเคราะห์เพศจาก DNA ของใบอ่อนต้นกล้า ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพระดับโมเลกุลที่มีความแม่นยำสูง ให้ผลลัพธ์ภายใน 2-3 ชั่วโมง  ไม่ต้องใช้เครื่องมือที่ซับซ้อน และสามารถอ่านผลลัพธ์ได้ด้วยตาเปล่า เพียงสังเกตจากการเปลี่ยนสีของสารละลาย  ถือเป็นการนำองค์ความรู้ด้านพันธุกรรมของพืชไปสู่การใช้งานจริงอย่างเป็นรูปธรรม

 

     ผลงานวิจัยนี้ได้รับการต่อยอดโดย บริษัท เจ็น-เอ-เทค จำกัด ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่เกิดจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีของ มทส. ได้รับสิทธิในการพัฒนาและให้บริการตรวจเพศอินทผลัมเชิงพาณิชย์ และได้รับการบ่มเพาะธุรกิจและสนับสนุนด้านการพัฒนานวัตกรรมจากอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 (Northern Eastern Science Park Region 2, RSP NE2)  ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยก้าวสู่การเป็นธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ตอบสนองความต้องการของภาคเกษตรกรรมได้อย่างแท้จริง    โดย บริษัทฯ ได้นำผลงานวิจัยมาพัฒนาต่อยอดและได้ออกแบบบริการให้เข้าถึงง่าย สะดวก และรวดเร็ว ผ่านการพัฒนาระบบที่สามารถใช้งานได้บนห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ หรือ Mobile Lab สำหรับการตรวจตัวอย่างนอกสถานที่หรือในพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ที่ต้องการความรวดเร็วในการคัดเลือกต้นกล้า นอกจากเทคโนโลยีที่แม่นยำแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับระบบบริการ ทั้งในด้านการเก็บตัวอย่าง การสื่อสารผลการตรวจ และการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ มุ่งหวังให้เป็น “โซลูชันครบวงจร” ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการปลูกอินทผลัม และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากผลผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้น

สัมภาษณ์ | นายพชร เชิดชัย
CEO บริษัท เจ็น-เอ-เทค จำกัด

 

สัมภาษณ์ | นายสุดตา พรมเวียง
เจ้าของสวนอินทผลัมบุญมาก อ.หนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา

 

 

     นับตั้งแต่เปิดให้บริการในปีแรก หน่วยบริการตรวจเพศอินทผลัมของเจ็น-เอ-เทค ได้รับความไว้วางใจจากเกษตรกรทั่วประเทศ ตรวจต้นกล้าไปแล้วมากกว่า 5,000 ต้น ด้วยอัตราความแม่นยำสูงกว่า 95% ส่งผลให้เกษตรกรสามารถวางแผนการปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความสูญเสีย และเพิ่มโอกาสในการลงทุนด้านอินทผลัมอย่างยั่งยืน  นวัตกรรมนี้ไม่เพียงช่วยเกษตรกรลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึง พลังของการวิจัยและพัฒนาจากมหาวิทยาลัยไทย ที่สามารถนำไปสู่การสร้างธุรกิจนวัตกรรมได้จริง ผ่านการบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ผ่านความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชนอย่างยั่งยืนต่อไป “

ผู้สนใจบริการตรวจเพศอินทผลัม สอบถามรายละเอียดได้ที่  Facebook//:  Gen-A-Tech  โทรศัพท์ 09-9606-7149, 0658195250

 

 

ส่วนประชาสัมพันธ์ มทส.

13 สิงหาคม 2568



ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง