มทส. ติด Top 10 ม.ไทย ในการจัดอันดับ ม.ชั้นนำเอเชีย โดย QS World University Rankings: Asia 2025

มทส. ติด Top 10 ม.ไทย ในการจัดอันดับ ม.ชั้นนำเอเชีย
โดย QS World University Rankings: Asia 2025
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ติดอันดับ 10 ร่วม มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย “QS World University Rankings: Asia 2025” อยู่ในกลุ่มอันดับ 401-410 ของเอเชีย และอันดับที่ 69 ร่วมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากจำนวนมหาวิทยาลัยในเอเชียที่ได้รับการจัดอันดับกว่า 984 แห่ง โดย มทส. มีคะแนนด้าน Papers Per Faculty เป็นอันดับ 1 ของประเทศ และคะแนนด้าน Staff with PhD เป็นอันดับ 2 ของประเทศ
จากการประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย “QS World University Rankings: Asia 2025” โดย The Quacquarelli Symonds (QS) สำนักจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกจากประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ในปีนี้มีมหาวิทยาลัยในเอเชียได้รับการจัดอันดับจำนวน 984 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยหน้าใหม่เข้ารับการจัดอันดับจำนวน 142 แห่ง ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียที่ครองอันดับ 1 ได้แก่ Peking University อันดับที่ 2 ได้แก่ The University of Hong Kong และอันดับที่ 3 ได้แก่ National University of Singapore (NUS) สำหรับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับ ในปี ค.ศ. 2025 มีทั้งสิ้น 34 แห่ง มหาวิทยาลัยที่ครอง 3 อันดับแรกของไทย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตามลำดับ โดย มทส. อยู่ในอันดับที่ 10 ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย ประกอบด้วย 11 ตัวชี้วัด ได้แก่ Academic Reputation (30%) Employer Reputation (20%) Faculty Student (10%) Staff with PhD (5%) Citations per Paper (10%) Papers per Faculty (5%) International Research Network (10%) International Faculty (2.5%) International Students (2.5%) Inbound Exchange Students (2.5%) และ Outbound Exchange Students (2.5%)
รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เผยว่า "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้เข้าร่วมการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 9 ปี เมื่อเปรียบเทียบผลคะแนนกับปีที่ผ่านมา พบว่า ในปี ค.ศ. 2025 มีคะแนนรวม 23.5 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8.5 คะแนน นอกจากนี้ คะแนนตัวชี้วัดอื่น ๆ ก็เพิ่มขึ้นเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวชี้วัดด้าน Papers per Faculty มีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของไทย และตัวชี้วัดด้าน Staff with PhD มีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของไทย
สำหรับผลการจัดอันดับในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ มทส. จะได้รับทราบผลการบริหารจัดการและร่วมกันหาแนวทางขับเคลื่อนการจัดอันดับมหาวิทยาลัย รวมไปถึงกำหนดยุทธศาสตร์ให้เหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อไป” อธิการบดี มทส. กล่าวในที่สุด
รายละเอียดการจัดอันดับเพิ่มเติม: https://www.topuniversities.com/asia-university-rankings
ส่วนแผนงาน/ส่วนประชาสัมพันธ์
7 พฤศจิกายน 2567
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
- อาจารย์ มทส. รับโล่เกียรติคุณ จาก BEDO นำความรู้และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสู่ชุมชน 12 มิถุนายน 2568
- มทส.ส่งมอบโปรแกรมสนับสนุนการเรียนรู้และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และโรงเรียนนักเดินป่าระดับต้น เส้นทางเขาใหญ่-แก่งยาว 10 มิถุนายน 2568
- มทส. ต้อนรับและหารือความร่วมมือกับเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย 09 มิถุนายน 2568
- มทส. รับรางวัล CWIE ดีเด่นระดับชาติ ปี 2568 ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานอย่างต่อเนื่อง 06 มิถุนายน 2568
- อาจารย์ มทส. คว้าอันดับ 1 นักวิทยาศาสตร์ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของไทย ติดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ด้านวัสดุศาสตร์ - ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี - ด้านเคมี โดย Research.com 28 พฤษภาคม 2568
- มทส. ร่วมกับ ดีอี - ดีป้า เปิดตัวโครงการ OFOSGAME พร้อมปล่อย 4 หลักสูตรพิเศษ พัฒนาทักษะด้านเกม ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกมและดิจิทัลคอนเทนต์ 26 พฤษภาคม 2568
- SUT Wellness ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข เป็น“ศูนย์บริการสาธารณสุข” การแพทย์แผนไทยประยุกต์ แห่งแรกในภาคอีสาน 21 พฤษภาคม 2568
- นักวิจัย มทส. ร่วมกับ ARDA อวดโฉม “เครื่องสแกนทุเรียน” นำร่องใช้งานจริงครั้งแรกกลางล้งเมืองจันท์ 16 พฤษภาคม 2568
- ขอแสดงความยินดีกับ นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 30 เมษายน 2568
- มทส. คว้าอันดับ 8 ร่วม มหาวิทยาลัยไทย ใน THE Asia University Rankings 2025 ตอกย้ำความก้าวหน้าในระดับนานาชาติ ทั้งด้านวิจัย การสอน และความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม 24 เมษายน 2568