บทบาทมหาวิทยาลัยในการสร้างคนเพื่อการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน

บทบาทมหาวิทยาลัยในการสร้างคนเพื่อการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ปาฐกถา ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ “บทบาทของมหาวิทยาลัยในระบบนิเวศผู้ประกอบการ”วันที่ 22 สิงหาคม 2559 โรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ
ประเทศไทยมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรกจนถึงปัจจุบัน ซึ่งวัดระดับการพัฒนาด้วยรายได้ แต่ขณะนี้ประเทศไทยยังคงติดกับดักรายได้ปานกลาง มีความเหลื่อมล้ำสูงทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษาและด้านอื่นๆ มีปัญหาคอร์รัปชั่น และมีความขัดแย้งในสังคมรุนแรง โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติได้สรุปว่าไทยมีปัญหาทั้งด้านทุนมนุษย์ ทุนสังคมอ่อนแอ ทุนธรรมชาติเสื่อมโทรม และทุนคุณธรรมจริยธรรมเสื่อมทราม
รัฐบาลปัจจุบันได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวสู่การเปลี่ยนผ่านเป็นประเทศพัฒนาในโลกที่หนึ่ง โดยมุ่งกระจายความมั่งคั่ง เพิ่มรายได้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และกำหนดเป็นนโยบายหลัก คือ Model Thailand 4.0 (จากที่ผ่านมา Thailand 1.0 พัฒนาด้วยเกษตรกรรม สู่ 2.0 อุตสาหกรรมเบา สู่ 3.0 อุตสาหกรรมหนัก) นำสู่ประเทศที่มีรายได้สูง ส่งเสริม New Industry Cluster และขับเคลื่อนด้วย Innovation เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและการแข่งขันที่รุนแรง
มหาวิทยาลัยจะมีบทบาทตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างไร?
เมื่อพิจารณาจากภารกิจหลักของมหาวิทยาลัยสู่ความเป็นเลิศ ภารกิจหลักที่ถือเป็น Core Functions คือ
· สร้างคน ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยมีคุณภาพและตรงกับความต้องการของสังคม ซึ่งเป็นภาระหลักที่สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งต้องทำ
· สร้างความรู้ เพื่อใช้ความรู้ในการสร้างคนให้เป็นคนดีคนเก่ง เพราะความรู้จะเกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อมีการนำไปใช้ (ไม่ใช่มีไว้เก็บ) ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบุคคลและสังคม
· สร้างนวัตกรรม โดยต่อยอดจากงานวิจัย หรือจากจินตนาการ โดยเกาะเกี่ยวองค์ความรู้ อาทิ กรณีสหกิจศึกษา หรือ Cooperative Education (Coop) เป็นนวัตกรรมที่นำมาใช้เสริมการผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาต่างๆ เพื่อให้พร้อมทำงาน (Employability) ทันทีที่สำเร็จการศึกษา ถือเป็นการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างคน
ปัจจุบันเกณฑ์วัดความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยให้ค่าน้ำหนักส่วนใหญ่ใน "การสร้างความรู้" ที่ตรงกับความต้องการทั้งระดับโลก ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค ระดับท้องถิ่นและระดับชุมชน แต่จากประสบการณ์ทำงานในวงการอุดมศึกษาทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติที่ผ่านมา ประเทศไทยขาดความสมดุลในการสร้างคน เรามักสร้างคนโดยเน้น "เสริมสร้างความรู้" แต่เราไม่ให้ศาสตร์ในการ "สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตนเอง ผู้อื่นและสังคม" (สร้างอาชีพ ไม่ได้สร้างคน) ซึ่งระดับมัธยมของไทยก็สร้างมาไม่พอ จึงต้องมาเติมเต็มในระดับมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยต้องพัฒนาคนให้เป็นคน....ก่อนเป็นครู เป็นแพทย์ เป็นวิศวกรหรือวิชาชีพอื่นๆ ซึ่งขณะนี้จัดเป็นกลุ่มวิชาศึกษาทั่วไป (General Education-GE) เพื่อสร้างความเป็นคนให้รู้จักตนเอง ผู้อื่น สังคม วัฒนธรรมและสภาพแวดล้อม แต่ประเมินแล้วก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ต้องปรับต่อไป
ดังนั้น มหาวิทยาลัยต้อง "รุก รับ ปรับตัว" สู่ Thailand 4.0 เพื่อสร้างทุนมนุษย์ โดยต้องถือว่า "การสร้างคนเป็นนวัตกรรม" เพื่อตอบสนองความต้องการ 2 กลุ่ม คือ
· ผลิตคนที่มีความรู้ในวิชาชีพตรงตามความต้องการตลาดแรงงาน ซึ่งยังเป็นหน้าที่หลักเป็นหัวใจที่ทิ้งไม่ได้ (Market Driven) โดยความคาดหวังของสังคมคือ สร้างคนมีความรู้ระดับสูงที่เรียกว่า Knowledge Workers หรือ แรงงานความรู้ที่มีคุณภาพ และตรงตามความต้องการ
· ผลิตคนเพื่อพรุ่งนี้ โดยสร้าง Entrepreneurship Mindset ให้บัณฑิตทุกคนสำหรับโลกยุคใหม่และเตรียมการสำหรับนักศึกษาบางคนที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการ เพราะมีผลวิจัยพบว่า Gen Y & Gen Z คนทำงานรุ่นใหม่ที่จะเป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมต่อไปมีความต้องการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น โดยแนวทางดำเนินการ ต้องทำครบวงจรแบบ Co-creation ทำคนเดียวไม่ได้โดยต้องมี Partner และ Collaboration ทั้งด้านหลักสูตร การเรียนการสอน Incubator และอื่นๆใน Ecosystem ตัวอย่างเช่น พัฒนาในรายวิชา GE ก่อนนักศึกษาเข้าสู่ Specialization หรือ ไม่ได้สร้างผู้ประกอบการโดยตรง แต่พัฒนาให้บางคนที่เปลี่ยนใจระหว่างทาง เช่น นักศึกษาวิศวกรรมเรียนต่อยอดด้านผู้ประกอบการ หรือเปิดเป็นประกาศนียบัตรบัณฑิต 1 ปี สำหรับผู้จบแล้ว หรือให้ทำ Coop กับผู้ประกอบการตัวจริง
ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) พัฒนาบัณฑิตให้พร้อมทำงานและใช้ภาษาอังกฤษได้ แต่สิ่งที่ทำอยู่ไม่พอจึงริเริ่มสหกิจศึกษา ทำให้ได้ลูกจ้างที่ดีและบัณฑิตได้งานทำ แต่ไม่ใช่การเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งไม่พอสำหรับยุคนี้ และที่ผ่านมาพยายามทำเรื่อง Entrepreneurship บางส่วน แต่ยังไม่ได้ทำเต็มที่ จึงเห็นด้วยว่าเป็นภาระความจำเป็นที่มหาวิทยาลัยต้องเริ่มตรงนี้ และดีใจที่การพัฒนา Entrepreneurship มีเจ้าภาพเป็นตัวตน คือ สำนักงานคณะกรรมการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ในการ "เติมเต็ม" สิ่งที่ทำอยู่ เพื่อทำให้ มทส. ทำสมบูรณ์ส่วนนี้ร่วมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์
สรุปโดย อ.รัชฎาพร วิสุทธากร
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
- สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มทส. ผ่านการประเมิน EdPEx 300 ประจำปี 2568 พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษามุ่งสู่ความเป็นเลิศ 28 สิงหาคม 2568
- เปิด “สวนสมุนไพร อภัยภูเบศร - มทส.” แหล่งเรียนรู้ รวบรวมสายพันธุ์สมุนไพรไทยบนฐานวิทยาศาสตร์ ร่วมยกระดับผลิตภัณฑ์ยาตำรับไทยสู่มาตรฐานสากล 26 สิงหาคม 2568
- มทส. ยืนยันความโปร่งใส ผ่านการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส (ITA) ปี 2568 ด้วยคะแนนรวม 87.60 คะแนน 15 สิงหาคม 2568
- มทส. เดินหน้าขับเคลื่อนพันธกิจเพื่อสังคม ผ่านโครงการ “มทส. ร่วมใจ ส่งต่อความห่วงใย เพื่อช่วยผู้ประสบภัยในยามวิกฤติ” ส่งมอบสิ่งของและเงินบริจาค สนับสนุนภารกิจทหารชายแดนไทย–กัมพูชา 05 สิงหาคม 2568
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด Asian Science Camp 2025 01 สิงหาคม 2568
- นักวิจัย มทส. ส่งมอบแขนเทียมกลอัจฉริยะ ควบคุมด้วยชีวสัญญาณให้กองทัพบก ยกระดับคุณภาพชีวิตช่วยเหลือกำลังพลที่สูญเสียแขนจากการปฏิบัติภารกิจ 31 กรกฎาคม 2568
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยที่มีหลักสูตรการพัฒนาคณาจารย์ตามกรอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการสอน ในระดับ Associate Fellow และ ระดับ Fellow ตามกรอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการสอน PSF 2023 31 กรกฎาคม 2568
- 3 นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล สร้างแรงบันดาลใจเยาวชนเอเชียในงาน ASC 2025 30 กรกฎาคม 2568
- 35 ปี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สร้างสรรค์นวัตกรรมและความยั่งยืน พร้อมเป็นที่พึ่งและรับใช้สังคม 25 กรกฎาคม 2568
- จังหวัดนครราชสีมา–มทส. ร่วมตรวจความพร้อมรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีเปิดงาน Asian Science Camp 2025 (ASC2025) 17 กรกฎาคม 2568