มทส. เปิดตัว“ไม้เชิงวิศวกรรมสมรรถนะสูง”จากวัสดุเหลือใช้การเกษตร 

แปลงโฉมสู้แดด ทนฝน แช่น้ำนานนับปี ทางเหลือกใหม่อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทย

มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดตัวผลงานวิจัยคิดค้นนวัตกรรม “ไม้เชิงวิศวกรรมสรรรถนะสูง” เพิ่มคุณสมบัติเด่นเชิงกลสูง ทนต่อความชื้นสามารถแช่อยู่ในน้ำนานนับปีโดยไม่เปลี่ยนรูป   ปลอดจากแมลงทำลายไม้ทั้งมอดและปลวก  จากวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ทันที หวังเป็นทางเลือกใหม่สำหรับภาคอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทย 

วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2556) เมื่อเวลา 10.00 น. อาคารบริหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เป็นประธานการแถลงข่าว “ไม้เชิงวิศวกรรมสมรรถนะสูง” ผลงานวิจัยโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุทัย มีคำ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมพอลิเมอร์ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มทส. ว่า “จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อในปี พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา รวมถึงเหตุอุทกภัยที่กำลังประสบต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน เป็นแรงจูงใจให้นักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาพอลิเมอร์ ได้คิดค้นถึงให้ได้มาซึ่งไม้เชิงวิศวกรรมคุณภาพเยี่ยม ได้เป็นผลสำเร็จในการวิจัยและคิดค้นกระบวนการผลิตไม้เชิงวิศวกรรมจากทั่วไป ในท้องตลาดให้มีสมรรถนะสูงยิ่งขึ้น  ทนทานต่อทุกสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งยังสามารถแช่อยู่ในน้ำได้นานนับปี โดยไม่มีการแปรสภาพโก่งบวมเหมือนที่ประสบปัญหาจากเหตุการณ์น้ำท่วม ทั้งได้คิดค้นกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนหรือแตกต่างจากเดิมมากนัก สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ คุ้มค่ากับการใช้ประโยชน์สูง ที่สำคัญวัตถุดิบโดยส่วนใหญ่นำมาจากวัสดุเหลือใช้ทางภาคเกษตรและภาค อุตสาหกรรม  มหาวิทยาลัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลงานนวัตกรรมคิดค้นในครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาวงการอุตสาหกรรมโครงสร้างที่พักอาศัย ของไทยต่อไป”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุทัย มีคำ เจ้าของผลงานเปิดเผยว่า “จากข้อจำกัดของไม้เชิงวิศวกรรมที่ใช้อยู่ทั่วไป เช่น ไม้อัด MDF  ไม้อัดแผ่น ไม้พื้นปิดผิว ไม้ท่อนปิดกาว หรือ ไม้ชิ้นอัดร้อน เป็นต้น ปัญหาที่เห็นได้ชัดคือมีความเข็งแรงเชิงกลต่ำ ไม่ทนต่อความชื้นมักจะโก่งบวมเสียรูปเมื่อสัมผัสน้ำเป็นระยะเวลานานช่วง หนึ่ง เกิดเชื้อรา ทั้งยังถูกเจาะทำลายจากมอดไม้และปลวกได้ง่าย  ประกอบกับจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยของไทยเมื่อปี 2554 และหลายประเทศทั่วโลกที่ประสบภัยธรรมชาตินี้  ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน สภาพที่พบคือ วัสดุเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งภายในบ้านเสียหายอย่างรุนแรง ถูกรื้อทิ้งทำลายเป็นขยะกองใหญ่สร้างปัญหา และส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ และสภาพจิตใจของผู้ประสบภัย  จึงเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการคิดค้นวิจัยและสร้างเป็นนวัตกรรม “ไม้เชิงวิศวกรรมสรรถนะสูง” นี้ขึ้น โดยนำวัตถุดิบเหลือใช้ทางภาคเกษตร เช่น แกลบข้าว เยื่อชานอ้อย ขี้เลื่อยไม้ เยื่อไม้ยูคาลิปตัส เป็นต้น มาผ่านกระบวนการผลิตวิศวกรรมโดยประยุกต์ใช้กับระบบกาวอีพ๊อกซี่ เป็นกาวยึดติด เสริมแรงด้วยใยแก้ว ซึ่งก็นำมาจากวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมผลิตกระดานโต้คลื่น ทำให้ได้ไม้เชิงวิศวกรรมสมรรถนะสูง ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเทียบเท่าไม้เนื้อแข็งจากธรรมชาติทั้งด้านความสวยงาม  แข็งแรงทนต่อความชื้นดีเยี่ยม ผ่านการทดสอบสามารถแช่อยู่ในน้ำนานนับปีโดยไม่มีการโก่งงอ ทั้งยังทนทานต่อการเจาะทำลายของปลวกและมอดกินไม้  มีกระบวนการผลิตที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไปจึงสามารถต่อยอดการผลิตเชิงพาณิชย์ ได้ทันที  และที่สำคัญเมื่อเทียบราคาต่อหน่วยกับศักยภาพของการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง ที่มีอยู่อย่างหลากหลาย รวมถึงองค์ประกอบวัตถุดิบหลักที่ในการขึ้นรูปส่วนใหญ่เป็นวัสดุเหลือใช้จาก ภาคเกษตร และอุตสาหกรรม ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในประเทศ  ตนเชื่อว่าไม้เชิงวิศวกรรมสมรรถนะสูงนี้ มีความคุ้มค่าทั้งด้านราคาคุณภาพและประโยชน์จากการประยุกต์ใช้สูงสุด  รวมถึงจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ การตกแต่งโครงสร้างภายในอาคารภายในประเทศ  รองรับสภาวะทางธรรมชาติที่แปรปรวน รวมถึงปัญหาจากอุทกภัยซึ่งประเทศไทยและอีกหลายประเทศจากทุกมุมโลกกำลังประสบ อยู่ในขณะนี้”

ส่วนประชาสัมพันธ์ 

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี  

4 พฤศิจกายน 2556