นักวิจัย มทส. พัฒนาศักยภาพระบบกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยีควอนตัมพบเพิ่มความจุเป็น 3 เท่า อายุใช้งานยาว ชาร์จเร็ว และต้นทุนต่ำ พร้อมต่อยอดใช้งานจริง
นักวิจัย มทส. “พัฒนาศักยภาพระบบกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยีควอนตัม”
พบเพิ่มความจุเป็น 3 เท่า อายุใช้งานยาว ชาร์จเร็ว และต้นทุนต่ำ พร้อมต่อยอดใช้งานจริง
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านวัสดุหน้าที่พิเศษขั้นสูง มทส. แถลงผลงานวิจัย “การพัฒนาศักยภาพระบบกักเก็บพลังงานขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีควอนตัม” พบสามารถเพิ่มความจุเป็น 3 เท่า มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ชาร์จเร็ว และต้นทุนการผลิตต่ำ หวังต่อยอดนวัตกรรมสู่รถไฟฟ้า และใช้ร่วมกับระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ เพื่อตอบโจทย์นโยบายพลังงานของประเทศ สร้างฐานพัฒนาเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานให้เข้มแข็งและแข่งขันได้ในระยะยาว
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562 ณ อาคารวิชาการ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี มทส. เป็นประธานการแถลงข่าวผลงานวิจัย “การพัฒนาศักยภาพระบบกักเก็บพลังงานขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีควอนตัม” กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ให้ความสำคัญในการสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการ การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย ที่มุ่งวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่ต่อยอดสู่นวัตกรรมเชิงพาณิชน์และสร้างประโยชน์สู่ชุมชน ตามยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยที่จะสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศโดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผลงานวิจัย “การพัฒนาศักยภาพระบบกักเก็บพลังงานขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีควอนตัม” ของศูนย์ความเป็นเลิศด้านวัสดุหน้าที่พิเศษขั้นสูง (Center of Excellence in Advanced Functional Materials, COE AFM) โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.สันติ แม้นศิริ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมผู้เชี่ยวชาญรวมกลุ่มพัฒนางานวิจัยที่ตอบโจทย์ของสังคมอย่างแท้จริง จับต้องได้ที่เรียกว่า “จากหิ้งสู่ห้าง” สำหรับองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยระบบกักเก็บพลังงานขั้นสูงนี้ ถือเป็นส่วนประกอบหลักหนึ่งที่จะก่อให้เกิดเสถียรภาพในระบบผลิตไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทน และยังช่วยให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถด้านนี้ต่อบุคลากรภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกับประเทศชั้นนำอื่นๆ ผมเชื่อมั่นว่า องค์ความรู้ที่ได้จะสามารถตอบโจทย์นโยบายพลังงานของประเทศ สร้างฐานพัฒนาเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานให้เข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว”
รองศาสตราจารย์ ดร.วรวัฒน์ มีวาสนา คณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มทส. หัวหน้าคณะนักวิจัย เปิดเผยว่า “ โครงการพัฒนาศักยภาพการอัดประจุของตัวเก็บประจุยิ่งยวดด้วยเทคโนโลยีควอนตัม เป็นส่วนหนึ่งในชุดโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) โดยการสนับสนุนงบวิจัยจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน และศูนย์ความเป็นเลิศด้านวัสดุหน้าที่พิเศษขั้นสูง มทส. ในการมุ่งตอบโจทย์การพัฒนาด้านพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานสะอาด (Green Energy) ซึ่งจะเข้ามาทดแทนพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใกล้จะหมดลงในอนาคต เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าเซลล์ (Solar cell) ปัจจุบันสามารถผลิตได้ในราคาที่ต่ำลงมาก แต่ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานช่วงกลางคืนโดยจะต้องมีระบบกักเก็บพลังงานมาช่วยซึ่งปัจจุบันยังไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับราคาไฟฟ้าจากรัฐ และในอนาคตอันใกล้มีแนวโน้มที่จะหันมาใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าจากโครงสร้างพื้นฐานของประเทศขณะนี้ ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานเมื่อเทียบกับอัตราการเจริญเติบโต และรูปแบบการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น
ทีมวิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาและพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานชนิดตัวเก็บประจุยิ่งยวด (Supercapacitor) โดยได้นำหลักพื้นฐานด้านเทคโนโลยีควอนตัม ที่เรียกว่า Negative electronic compressibility เข้ามาช่วยในการบีบอัดอิเล็กตรอนเชิงลบเข้าไปแทนที่ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้สำหรับการเพิ่มค่าความจุให้กับตัวเก็บประจุยิ่งยวด ด้วยเทคนิค Sputtering หรือการเคลือบสารที่มีสมบัติพิเศษดังกล่าวลงไปที่ขั้วไฟฟ้า ผลจากการทดลองพบว่า ความสามารถในการอัดประจุ (Specific energy) สูงเพิ่มขึ้นได้ 3 เท่าตัว และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน (Cycle life) แต่ใช้ปริมาณสารที่น้อยมาก อาจถือได้ว่าปริมาณดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการผลิต ซึ่งเป็นแนวทางให้ราคาลดลงต่ำกว่า 2 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง แผนการดำเนินงานระยะต่อไป คือการขยายสเกลในการผลิตตัวกักเก็บพลังงานยิ่งยวด รวมทั้งการนำไปประยุกต์ใช้งานร่วมกับรถไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) และระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งหากผลการใช้งานมีความเสถียรเป็นที่น่าพอใจ อาจจะนำไปสู่การต่อยอดนวัตกรรมในรูปแบบ Startup ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาความร่วมมือกับภาคเอกชน บริษัท อีคิว เทค เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด และ บริษัท ทีม เค พาวเวอร์ จำกัด ในการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการพัฒนาต่อยอดสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ต่อไป
ชมภาพกิจกรรม https://www.facebook.com/pg/sutnews/photos/?tab=album&album_id=2736697463009629
tiktok takipçi satın alลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
- มทส. ได้รางวัล มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพ ระดับ 4 ดาว จากระบบประเมิน HURS 2023 โดย เครือข่าย AUN-HPN 26 มีนาคม 2567
- มทส. ได้รับรางวัล สถาบันอุดมศึกษาที่ส่งเสริมการพัฒนาอาจารย์ต้นแบบด้านการสอน และคณาจารย์ได้รับรางวัล อาจารย์ต้นแบบด้านการสอน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน 21 มีนาคม 2567
- มทส. น้อมถวายกำลังใจ แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 15 กุมภาพันธ์ 2567
- มทส. ติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยและเอเชีย ในการจัดอันดับ Webometrics Ranking of World Universities รอบที่ 1 ปี 2024 13 กุมภาพันธ์ 2567
- ขอแสดงความยินดีกับคณาจารย์และนักวิจัยที่ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ: รางวัลผลงานวิจัย รางวัลวิทยานิพนธ์ และรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปีงบประมาณ 2567 08 กุมภาพันธ์ 2567
- ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์ มทส. ที่ได้รับการจัดอันดับนักวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย จากการจัดอันดับโดย Research.com 06 กุมภาพันธ์ 2567
- ขอแสดงความยินดีกับ ผศ.ดร.เกียรติศักดิ์ บัตรสูงเนิน ในโอกาสได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร 29 มกราคม 2567
- มทส. ผลงานโดดเด่น เข้าชิงรางวัล THE AWARDS ASIA 2024 สาขาความเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมและโครงการวิจัยแห่งปี 26 มกราคม 2567
- มทส. จับมือ สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย จัดประชุมวิชาการคอนกรีตประจำปี ครั้งที่ 18 (Annual Concrete Conference 18) 26 มกราคม 2567
- มทส. ร่วมกับ สมาคมวิจัยวัสดุ จัดประชุมวิชาการนานาชาติ ISEPD 2024 เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัสดุศาสตร์และวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 22 มกราคม 2567